ส.เอี่ยมพัฒนา | S-Eiam Pattana

อยากเป็นบาร์เทนเดอร์ต้องรู้
ทรงแก้วแต่ละแบบเรียกยังไงกันบ้าง

รู้หรือไม่ แก้วแต่ละทรงก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปนะ

            แก้วที่คุณพบเห็นว่ามีรูปทรงที่หลากหลายที่เราเรียกรวมๆ ว่าแก้ว แต่ที่จริงแล้วมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ซึ่งชื่อเหล่านั้นไม่ได้เรียกเพียงเพื่อความไพเราะเท่านั้น แต่แก้วแต่ละแบบที่ดูคล้ายกันกลับมีชื่อเรียกแตกต่างกัน เพราะแก้วเหล่านั้นวิธีการเลือกใช้งานที่แตกต่างกัน ในหลายครั้งเราอาจรู้สึกว่า เครื่องดื่มแบบเดียวกันยี่ห้อเดียวกัน แต่ดื่มที่บ้านและที่ร้านทำไมรสชาติไม่เหมือนกัน นั่นไม่ใช่เพราะบรรยากาศเท่านั้น แต่การเลือกใช้แก้วก็มีผลต่อประสาทสัมผัสรูป รส กลิ่น ทั้งสิ้น เพราะการเลือกใช้แก้วที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป อาจทำให้เราจุเครื่องดื่มได้น้อยดื่มได้แปปเดียวก็หมด หรือต้องใส่น้ำแข็งเพิ่มจนเครื่องดื่มจืดไวขึ้น ซึ่งถ้าหากเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไวน์หรือเบียร์ จะยิ่งเห็นความแตกต่างของตัวแก้วได้ชัดเจน เราสามารถแบ่งประเภทแก้วได้หลากหลายทั้งจากสไตล์ของแก้วที่ชอบ เลือกความคงทนให้เหมาะกับการทำความสะอาดและใช้งาน แต่การแบ่งประเภทที่เห็นภาพและใช้งานได้ง่ายที่สุดคือแบ่งประเภทแก้วตามการใช้งาน ดังนี้

🥃🥛 แก้วสำหรับใช้งานทั่วไป (Universal Glass) 🥛🥃

            แก้วสำหรับใช้งานทั่วไป โดยปกติแล้วจะเป็นแก้วอเนกประสงค์ที่ใช้ใส่เครื่องดื่มได้หลากหลายประเภท เครื่องดื่มร้อนและเครื่องดื่มเย็น หรือแก้วน้ำดื่มธรรมดา โดยมากมักเป็นแก้วใส ทรงกระบอกตรงหรือทรงปากกว้าง ถ้าจะเป็นลักษณะปากแคบก็จะไม่แคบมากเพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายและทำความสะอาดได้ง่าย โดยมากมักไม่ใช่ค่อยใช้แบบมีหูเท่าไหร่ โดยแก้วสำหรับใช้งานทั่วไปที่พบเห็นได้บ่อยได้แก่


🥛 แก้วไฮบอล (Highball Glass) หรือ แก้ว (Collins Glass) 🥛

            แก้วไฮบอล (Highball Glass) หรือ แก้ว (Collins Glass) เป็นแก้วทรงกระบอกสูง มีขนาดความจุประมาณ 8 – 12 ออนซ์ จุน้ำได้มาก ใส่น้ำแข็งในแก้วได้ เหมาะสำหรับเครื่องดื่มทั่วไป น้ำเปล่าใส่น้ำแข็ง หรือเครื่องดื่มที่ต้องการโชว์สีสันอย่าง Tequila Sunrise, Yellow Jacket, Bloody Mary, Caba Libre ก็นิยมใช้แก้วประเภทนี้เช่นกัน

🥃 แก้วร็อค (Rock Glass) 🥃

            แก้วร็อค (Rock Glass) แก้วทรงกระบอกเตี้ย เป็นแก้วมาตรฐานอีกแบบที่นิยมใช้เป็นแก้วใส่น้ำเปล่า เพราะดื่มง่ายเนื่องจากตัวแก้วไม่สูงมากแต่มีความกว้างทั้งตัวแก้วและปากแก้ว ทำให้จุน้ำได้ประมาณ 8 – 10 ออนซ์ นอกจากนี้ยังนิยมใช้เป็นแก้วสำหรับเหล้าและวิสกี้อีกด้วย

🥃 แก้วดับเบิ้ลร็อค (Double Rock Glass) 🥃

            แก้วดับเบิ้ลร็อค (Double Rock Glass) คือแก้วร็อคที่มีความสูงเพิ่มขึ้น ทำให้จุน้ำได้มากขึ้นอยู่ที่ประมาณ 12 ออนซ์ และด้วยทรงที่สูงขึ้นยังทำให้แก้วดูทันสมัยมากกว่าแก้วร็อคแบบเก่า (Old Fashion Rock) อีกด้วย

🍵☕แก้วสำหรับเครื่องดื่มร้อน☕🍵

            แก้วสำหรับเครื่องดื่มร้อนส่วนใหญ่จะเป็นแก้วที่มีหูจับ เพื่อช่วยป้องกันมือของเราสัมผัสกับความร้อนของเครื่องดื่มผ่านตัวแก้ว แต่ในปัจจุบันจะมีแก้วใส่เครื่องดื่มร้อนแบบไม่มีหูจับหรือที่เรียกว่า แก้วสองชั้น  (Double Wall) ส่วนวัสดุที่ใช้ทำแก้วจะเป็นแก้วที่ค่อนข้างหนา มีคุณสมบัติทนความร้อนและเก็บความร้อนได้ดี ซึ่งแก้วสำหรับเครื่องดื่มร้อนก็จะมีความแตกต่างกันไปตามเครื่องดื่มที่ต้องการเสิร์ฟเพื่อให้เหมาะกับวิธีการดื่มและปริมาณเครื่องดื่มแต่ละชนิด

☕ แก้วกาแฟ (Coffee Cup หรือ Cappuccino Cup หรือ Latte Cup) ☕

            แก้วกาแฟ (Coffee Cup หรือ Cappuccino Cup หรือ Latte Cup) เป็นแก้วพื้นฐานที่ใช้สำหรับการเสิร์ฟ คาปูชิโน่ร้อน มอคค่าร้อน ลาเต้ร้อน โดยมากมักมีความจุประมาณ 4-8 ออนซ์ ซึ่งตัวแก้วจะมีลักษณะไม่สูงมากนัก ปากกว้างกว่าก้นแก้ว มีความโค้งมนเล็กน้อย ปากแก้วไม่หนาจนเกินไป ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถมองเห็นโฟมนมและลาเต้อาร์ตได้ชัดเจน สามารถละเลียดชิมโฟมนมและกาแฟได้ง่าย และมีหูแก้วเพื่อให้จับได้ถนัดมือ ไม่ร้อน

☕ แก้วเอสเพรสโซ่ (Espresso Shot Glass) ☕

            แก้วเอสเพรสโซ่ (Espresso Shot Glass) เอสเพรสโซ่เป็นกาแฟดำที่มีลักษณะการดื่มเป็นชอตเล็กๆ เพราะตัวกาแฟที่กัดมามีความเข้มข้นสูงไม่ผสมน้ำหรือนม ดังนั้นแก้วเอสเพรสโซ่จึงมีความจุประมาณ 3 ออนซ์ เส้นผ่าศูนย์กลางแก้ว อยู่ประมาณ 45 – 50 มิลลิเมตร ส่วนปากแก้วไม่บางไม่หนาจนเกินไป เพื่อให้สามารถจิบได้สะดวก

🍵 แก้วชา (Tea Mug หรือ Tea cup) 🍵

            แก้วชา (Tea Mug หรือ Tea cup) จะเป็นแก้วที่มีปากกว้างกว่าแก้วกาแฟ และมีก้นแก้วที่เล็กกว่าปาก ปากแก้วจะมีความบางเพื่อให้สัมผัสที่ดีเวลาจิบชา การเลือกใช้แก้วใสในการดื่มชาจะช่วยทำให้มองเห็นสีชาภายในและใบชาที่อยู่ในแก้ว สร้างความสวยงามเวลาที่มอง ส่วนตัวแก้วชาแบบมีหูจับมักนิยมใช้กับชาจากตะวันตก แต่ถ้าเป็นชาจากฝั่งตะวันออก มักเลือกใช้แก้วชาแบบดับเบิ้ลวอลล์ (Double Wall) เพื่อป้องกันความร้อนและสามารถจับยกดื่มได้ง่ายเหมือนกับถ้วยชาเซรามิก

🍺 แก้วแบบมีหูจับทรงสูง (Mug) 🍺

            แก้วแบบมีหูจับทรงสูง (Mug) แก้วแบบมีหูจับเป็นแก้วกาแฟมาตรฐานที่นิยมใช้กับเครื่องดื่มร้อนทุกประเภท มักมีความจุสูงสุดที่ประมาณ 8 – 12 ออนซ์ ตัวแก้วจะมีความหนาค่อนข้างมากเพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิ ปากแกวไม่กว้างมากนัก เน้นจุได้เยอะ ยกจิบง่าย จับถนัดมือ นิยมใช้เสิร์ฟ อเมริกาโน่ร้อน ลาเต้ร้อน

✨ แก้วดับเบิ้ลวอลล์ (Double Wall Glass) ✨

            แก้วดับเบิ้ลวอลล์ (Double Wall Glass) หรือแก้วสองชั้น เป็นแก้วที่ถูกออกแบบมาให้เป็นแก้วซ้อนแก้ว ที่มีจุดเด่นตรงที่ยังคงความใสแบบแก้วสามารถมองเห็นเครื่องดื่มที่อยู่ภายในได้ แต่ยังสามารถรักษาอุณหภูมิของเครื่องดื่มได้ดีเพราะผนังแก้วที่ที่แยกออกเป็นสองชั้น ทำหน้าที่ลดการถ่ายอุณหภูมิจากมือของเราไปสู่เครื่องดื่ม และยังจับถือได้สะดวก ด้วยน้ำหนักที่เบาและความสวยงามทำให้หลายคนเลือกใช้แก้วสองชั้นแทนแก้วแบบมีหูจับ

🍨🍨 แก้วสำหรับเครื่องดื่มเย็น 🍨🍨

            แก้วสำหรับเครื่องดื่มเย็นจะเป็นแก้วที่เน้นไปที่การโชว์ความสวยงามของเครื่องดื่ม เพราะเครื่องดื่มเย็นมีลูกเล่นในการตกแต่งมากมาย ดังนั้นแก้วเนื้อใสรูปทรงต่างๆ จึงเป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นแก้วเครื่องดื่มเย็นมากที่สุด ส่วนใหญ่แก้วสำหรับเครื่องดื่มเย็น จะเป็นแก้วทรงสูงที่จุน้ำได้มาก อย่างเช่น

🥛 แก้วทรงสูง (Tall Glass) 🥛

            แก้วทรงสูง (Tall Glass) แก้วทรงสูงคลาสสิค มีความจุดอยู่ที่ประมาณ 12-14 ออนซ์ อาจะเป็นทรงกระบอกหรือรูปทรงโค้งมนด้านบน ปากแก้วไม่แคบไม่กว้าง แก้วมักมีความใส่เพื่อโชว์สีสันของเครื่องดื่ม เหมาะกับเครื่องดื่มประเภทน้ำโซดา หรือเครื่องดื่มที่มีลูกเล่นการไล่สี

🥛 แก้วนิวยอร์กไฮบอล (New York Hi ball Glass) 🥛

            แก้วนิวยอร์กไฮบอล (New York Hi ball Glass) แก้วไฮบอลที่มีความสูงมากเป็นพิเศษ สามารถจุน้ำได้ประมาณ 11 ออนซ์ ทำให้เครื่องดื่มดูหรูหรา มีปริมาณมาก เหมาะกับเครื่องดื่มที่มีพรายฟองอากาศในน้ำ หรือน้ำผลไม้

🥛 แก้วลองดริงก์ (Long Drink Glass) 🥛

            แก้วลองดริงก์ (Long Drink Glass) เป็นแก้วอีกแบบที่มีลักษณะคล้ายกับแก้วไฮบอล แต่มีความแตกต่างตรงที่มีความสูงที่มากกว่า ทำให้จุได้มากกว่า 13 ออนซ์ และยังมีลูกเล่นที่ตัวแก้วเป็นลายเจียระไนแบบต่างๆ ทั้งแบบวินเทจ คริสตัล โมเดิร์น ฯลฯ มีฐานแก้วและผนักแก้วที่หนาพอเหมาะกับการใช้ใส่เครื่องดื่มเย็นที่เรียบง่ายไม่มีลูกเล่น อย่างเช่น น้ำอัดลม กาแฟเย็น ฯลฯ

🥛 แก้วลองดริงก์แบบสตูดิโอ (Studio Long Drink Glass) 🥛

            แก้วลองดริงก์แบบสตูดิโอ (Studio Long Drink Glass) แก้วทรงกรวยปากกว้าง ที่ทำให้ดื่มได้ง่าย สามารถใส่น้ำแข็งและจุน้ำได้มากถึง 15 ออนซ์ ตัวก้นแก้วค่อนข้างหนา แก้วแบบนี้เป็นแก้วพื้นฐานที่สามารถใช้กับเครื่องดื่มได้หลากหลายชนิด อาทิ น้ำผลไม้ปั่น, สมูธตี้, เบียร์, คอกเทล น้ำอัดลม ฯลฯ

🍨 แก้วมีฐาน (Footed Glass) 🍨

            แก้วมีฐาน (Footed Glass) หรือ แก้วเชิงฐาน เป็นแก้วที่มีฐานรองรับแผ่ออกมา โดยมักจะจับถือที่ตัวแก้ว โดยมากมักเป็นแก้วทรงสูง ตัวฐานทำหน้าที่ช่วยในการพยุงแก้วไม่ให้ล้มง่าย แต่ก็มีแบบอื่นๆ ที่มีก้านแก้วใหญ่และไม่สูงนัก เพื่อเป็นลูกเล่นสร้างความน่าสนใจให้กับตัวแก้วและเครื่องดื่ม นิยมใช้ใส่น้ำผลไม้ปั่น และคอกเทล

 

🍷🍹 แก้วสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์🍹🍷

            เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่ต้องเลือกสรรแก้วที่จะใช้คู่กันเป็นพิเศษ เพราะอากาศและอุณหภูมิของแก้วและมือที่จับมีผลต่อ “รสชาติ กลิ่นหอม สีสัน” ของเครื่องดื่มค่อนข้างมาก หากเลือกใช้แก้วได้เหมาะสมจะยิ่งช่วยเพิ่มรสสัมผัสที่ดีของเครื่องดื่มให้มากขึ้น ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ละชนิดมักมีแก้วที่ถูกใช้เฉพาะอยู่ เช่น

🍺 แก้วเบียร์ (Beer Glass) 🍺

            แก้วเบียร์ (Beer Glass) แก้วที่นิยมใช้กับเบียร์มีหลากหลายมากสำหรับคอเบียร์การเลือกแก้วเบียร์ให้เหมาะกับเบียร์จะยิ่งเป็นการช่วยเสริมรสชาติได้ไม่ต่างจากการเลือกใช้แก้วไวน์ให้เหมาะกับชนิดไวน์ อาทิ แก้วเบียร์แบบมีหู (Beer Mug) แก้วเนื้อหนาที่ช่วยรักษาความเย็น มีควาจุประมาณ 12 – 14 ออนซ์ นิยมนำไปแช่เย็นก่อนนำมาใส่เบียร์, แก้ว American pint glass แก้วเบียร์ทรงกระบอก เป็นแก้วเบียร์มาตรฐานแบบไม่มีหู, แก้ว Tulip pint แก้วเบียร์ที่ด้านล่างแคบ ด้านบนโค้งมนใหญ่กว่าด้านล่าง ทำให้จับสะดวก ด้านบนที่ใหญ่กว่าทำให้ฟองเบียร์ไม่ล้น เหมาะกับเบียร์รสชาติเข้มข้น มีฟองนุ่ม และยังมีแก้วแบบอื่นๆ สำหรับเบียร์อีกมากมาย

🍷 แก้วไวน์ (Wine Glass) 🍷

            แก้วไวน์ (Wine Glass) แก้วไวน์เป็นแก้วอีกชนิดที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับชนิดของไวน์  ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ ได้แก่ แก้วไวน์แดง แก้วไวน์ขนาดใหญ่ที่เน้นให้อากาศเข้าไปทำปฏิกิริยากับไวน์และกักเก็บกลิ่นอโรม่าของไวน์ไว้ในแก้ว, แก้วไวน์ขาว แก้วที่มีขนาดเล็กกว่าแก้วไวน์แดง ด้วยรสชาติและปริมาณแอลกอฮอล์ที่น้อยกว่าจึงไม่จำเป็นต้องให้อากาศเข้าไปปฏิกิริยากับไวน์มากเท่าไหร่ ทั้งยังมีลักษณะแก้วค่อนข้างสั้นเพื่อให้กลิ่นอโรม่ากระจายตัวได้ไว, แก้วสปร์คกลิ้งไวน์และแชมเปญ มักเป็นแก้วทรงสูงปากแคบ ก้านจับค่อนข้างยาว เพื่อโชว์พรายฟองอากาศในไวน์ และช่วยรักษาความซ่าและอุณหภูมิให้คงที่ ซึ่งแก้วไวน์แต่ละชนิดก็จะมีชื่อเรียกและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปอีก หากสนใจอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับแก้วไวน์มากกว่านี้สามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้เลย >>แก้วไวน์ทำไมมีหลายแบบ ทำไมไวน์แต่ละชนิด ถึงใช้แก้วไม่เหมือนกัน<<

🍶 แก้วชอต (Shot Glass) 🍶

แก้วชอต (Shot Glass) หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าแก้วเป๊ก แก้วขนาดเล็กมีความจุไม่เกิน 2 ออนซ์ ก้นแก้วและผนักแก้วมีความหนามาก เป็นแก้วที่นิยมใช้สำหรับเครื่องดื่มที่กระดกดื่มครั้งเดียวหมด

🍸 แก้วคอกเทล (Cocktail Glass) 🍸

            แก้วคอกเทล (Cocktail Glass) แก้วสำหรับเครื่องดื่มคอกเทลจะมีความหลากหลายค่อนข้างมาก ซึ่งนอกจากจะใช้ใส่เครื่องดื่มและโชว์ความสวยงามแล้ว ตัวแก้วยังเป็นอีกลูกเล่นหนึ่งที่ช่วยให้คอกเทลดูน่าสนใจมากขึ้น แก้วคอกเทลที่เราพบเห็นได้บ่อยๆ ก็จะมี แก้วค็อกเทล (Cocktail Glass) แก้วทรงโค้งไม่สูงคล้ายแก้วไวน์ขาว ก้านแก้วยาว เป็นแก้วพื้นฐานสำหรับคอกเทล, แก้วมาร์ตินี (Martini Glass) แก้วทรงกรวยไม่สูง ก้านแก้วยาว ให้ความรู้สึกหรูหราร้อนแรง, แก้วบอร์โดซ์ (Bordeaux glass) เป็นแก้วไวน์แดงที่นิยมนำมาใช้เป็นแก้วคอกเทล เพราะมีขนาดใหญ่ดื่มง่าย เหมาะกับการผสมเหล้าและตกแต่ง นอกจากนี้ยังนิยมใช้ แก้วร็อค  แก้วหมุน (Spinning Whisky Glass) แก้วลองดริงก์แบบสตูดิโอ (Studio Long Drink Glass) หรือแก้วอื่นๆ ตามความคิดสร้างสรรค์ของบาร์เทนเดอร์

 

            แก้วที่แบ่งออกตามการใช้งานทั้ง 4 ประเภทด้านบน เป็นแค่การจัดกลุ่มให้สามารถแบ่งแยกได้ง่ายเท่านั้น ซึ่งหากเราใช้ในบ้านทั่วไป การเลือกแก้วจากกลุ่ม แก้วสำหรับใช้งานทั่วไป (Universal Glass) ที่ใช้งานได้หลากหลายซึ่งนั่นก็เพียงพอต่อการใช้งานในบ้านแล้ว แต่ถ้าหากเราต้องการมากกว่านั้นการเลือกตามการใช้งานกับเครื่องดื่มก็จะช่วยให้เราสามารถเลือกแก้วให้เหมาะกับการใช้งาน จะช่วยให้เราสามารถประหยัดเงินและได้รสชาติของเครื่องดื่มที่ดีขึ้นแน่นอน

            หากใครยังลังเลหรือยังไม่แน่ใจว่าธุรกิจหรือการใช้งานของคุณเหมาะกับแก้วแบบไหนสามารถปรึกษาเราได้เลย  ทางเราเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแก้วน้ำใส ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี เรายินดีที่จะตอบทุกข้อสงสัยและตอบสนองความต้องการให้อย่างเต็มที่ สามารถติดต่อเราได้ทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือช่องทางติดต่ออื่นๆตามนี้เลย >>ติดต่อสอบถาม<<